ชื่อเรื่อง: การผลิตทานตะวันเป็นพืชหมุนเวียนในนาข้าวเพื่อเป็นแหล่งเมล็ดพันธุ์ ในการผลิตต้นอ่อนทานตะวัน และเป็นแหล่งสารเสริมในสูตรอาหารสัตว์
ผู้แต่ง: Test test
หมวดหมู่: อาหาร
ปีที่ผลิตผลงาน: 2020
เนื้อหา:
การทดลองที่ 1 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบต่อลักษณะทางการเกษตรของการเสริมธาตุซีลีเนียมกับการปลูกทานตะวันในระดับแปลง โดยวางแผนการทดลอง 2x4 แฟคทอเรียลแบบบล็อกสมบูรณ์ จำนวน 5 ซ้ำ ในพื้นที่ 1.25 ไร่ การศึกษามีสองปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยที่ 1 รูปแบบการใส่ธาตุซีลีเนียมทางการพ่นใบและการพ่นลงดิน และปัจจัยที่ 2 อัตราการเสริมธาตุซีลีเนียม 4 อัตรา (0 8 16 และ 24 กรัม
ซีลีเนียมต่อไร่) ผลการศึกษาพบว่าการเสริมซีลีเนียมไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติต่อขนาดของจานดอกทานตะวัน น้ำหนัก 100 เมล็ดและผลผลิตต่อไร่ของทานตะวัน แต่เมื่อพิจารณาการวิเคราะห์เปรียบเทียบความต่างและการวิเคราะห์แนวโน้ม พบว่าการวิเคราะห์ความต่างของการเสริมซีลีเนียม 16กรัมซีลีเนียมต่อไร่ให้ผลผลิตสูงกว่าการเสริมซีลีเนียม 8 กรัมซีลีเนียมต่อไร่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และการเสริมซีลีเนียมมีแนวโน้มเพิ่มผลผลิตเป็นรูปแบบเส้นตรงในช่วงปริมาณการใช้ไม่เกิน 24 กรัมซีลีเนียมต่อไร่ การปลูกทานตะวันพบว่าแม้ผลผลิตเฉลี่ย 394 กิโลกรัมต่อไร่ (492.5 กิโลกรัมต่อแปลงขนาด 1.25ไร่) ผลผลิตที่ได้ยังสามารถสร้างกำไรสุทธิได้จากการขายเมล็ดในลักษณะเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อยอดการแปรรูปอื่น ๆ ในราคาขาย 70 บาทต่อกิโลกรัมเมล็ด โดยการปลูกทานตะวันได้ผลกำไรสุทธิ15,886.67 บาทต่อแปลง (1.25 ไร่) หรือมีกำไรต่อกิโลกรัมผลผลิตเท่ากับ 32.26 บาท
การทดลองที่ 2 ทำการศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาศักยภาพของการปลูกทานตะวันเป็นพืชหมุนเวียนในนาข้าวและศึกษาการใช้ประโยชน์ของทานตะวันแบบครบวงจร โดยทำการวิจัยร่วมกับการให้ความรู้แก่เกษตรกร เพื่อสร้างแนวคิด การสามารถเชื่อมโยงเหตุผลในการเลือกผลิตพืช ผลกระทบหรือประโยชน์ที่จักได้รับ การสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าเกษตร ให้แก่เกษตรกรและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และนอกจากนี้การศึกษายังมีการทดลองการนำผลพลอยได้จากการสกัดน้ำมันทานตะวันมาเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ เพื่อใช้ในสูตรอาหารของสัตว์ปีก และแพะด้วย โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 3 การทดลองดังนี้ การทดลองที่ 2.1 ทำในไก่ไข่ ทำการศึกษาผลของการเสริมต้นอ่อนทานตะวันอบแห้งในอาหารไก่ไข่ต่อคุณภาพไข่วางแผนการทดลองแบบ completely randomized design) CRD มีสูตรอาหารสำเร็จรูปและระดับต้นอ่อนทานตะวันในการทดลอง 3 สูตร คือกลุ่มที่ 1 อาหารที่ไม่ได้เสริมต้นอ่อนทานตะวัน (control) กลุ่ม
ที่ 2 อาหารที่เสริมต้นอ่อนทานตะวันในอาหารสำเร็จรูป 1 เปอร์เซ็นต์กลุ่มที่ 3 อาหารที่เสริมต้นอ่อนทานตะวันในอาหารสำเร็จรูป 2 เปอร์เซ็นต์ ผลการศึกษา พบว่าคุณภาพการผลิตไข่ของแม่ไก่ ที่ได้รับต้นอ่อนทานตะวัน 1 และ 2 เปอร์เซ็นต์ ของสูตรอาหารไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพการผลิตไข่ อันได้แก่ระดับสีไข่แดง (P20.05) เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้เสริมต้นอ่อนทานตะวัน
การทดลองที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งเสริมการปลูกทานตะวันเพื่อเป็น พืชทางเลือกในนาข้าวของเกษตรกรในจังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย โดยมีการดำเนินการวิจัยที่รวม การขั้นตอน ได้แก่ 1) การแนะนำทานตะวันกับเกษตรกรในพื้นที่ 2) การศึกษาความคุ้มค่าทาง เศรษฐศาสตร์สำหรับการปลูกทานตะวันเป็นพืชทางเลือกทดแทนการปลูกข้าวในฤดูแล้ง โดยดำเนิน การศึกษาในศูนย์ฝึกอบรมและวิจัยทางการเกษตร 100 ไร่ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จังหวัด นครราชสีมา และ 3) การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและความเป็นไปได้ในการปลูกทานตะวันในฤดูแล้ง ให้แก่เกษตรกร ผลการศึกษาพบว่าการปลูกทานตะวันแม้ผลผลิตเฉลี่ย 394 กิโลกรัมต่อไร่ (492.5 กิโลกรัม ต่อแปลงขนาด 1.25 ไร่) ผลผลิตที่ได้ยังสามารถสร้างกำไรสุทธิได้จากการขายเมล็ดในลักษณะเพื่อนำไปใช้ ประโยชน์ต่อยอดการแปรรูปอื่น ๆ ในราคาขาย 70 บาทต่อกิโลกรัมเมล็ด โดยการปลูกทานตะวันได้ผล กำไรสุทธิ 15,886.67 บาทต่อแปลง (1.25 ไร่) หรือมีกำไรต่อกิโลกรัมผลผลิตเท่ากับ 32.26 บาท ในฤดูนา ปรังแต่ก็สามารถเป็นพืชทางเลือกสำหรับเกษตรกรได้ในพื้นที่ที่ขาดน้ำและไม่สามารถปลูกข้าวนาปรังได้ เทคโนโลยีการผลิตทานตะวันเพื่อเป็นทางเลือกในพื้นที่ปลูกข้าวในฤดูนาปรังนี้ได้มีการถ่ายทอดไปยัง เกษตรกรในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้เทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการยอมรับจากกลุ่มเกษตรกรผู้เข้าร่วมอบรม และมีการขยายผลเชิงพาณิชย์ ในการนำต้นอ่อนทานตะวันเพิ่มมูลค่าโดยนำมาทำเป็นส่วนผสมของส้มตำ ต้นอ่อนทานตะวัน และการนำเอาผลผลิตจากน้ำมันทานตะวันมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่น้ำมัน ทานตะวันสกัดเย็น สบู่ก้อน และสบู่เหลวทานตะวัน และโลชั่น นอกจากนี้ยังมีการขยายผลการนำไปใช้ ประโยชน์ในชุมชน ภายใต้โครงการ “ทานตะวันหลังนา ราษฎร์จุฬาสามัคคี” จังหวัดอุดรธานี โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือในกลุ่มโครงการบรรเทาปัญหาและสร้างอาชีพเสริมของชุมชน มีการเริ่มต้น เพื่อทดลองปรับลดผลกระทบจากการทำไร่ตามระบบการปลูกพืชเชิงเดี่ยว และเพิ่มทักษะของนักเรียนและ ชุมชนในการสร้างรายได้เสริม ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน (Sustainable development) สร้างสุข และความสามัคคีในชุมชนต่อไป

ไฟล์แนบ:

1749526142_e0a0b6ac_00012730.pdf